В связи с тем, что на Пхукете до 30 апреля действует запрет на передвижение, кроме экстренных случаев, а так же военными перекрыты границы между 17-ю микрорайонами Пхукета, в Пасхальном богослужении участвовали всего 7 прихожан и 12 сотрудников и студентов Духовного училища. Велась трансляция в соцсетях. Были зачитаны поздравления Святейшего патриарха Московского и всея Руси Кирилла и митрополита Сергия, патриаршего экзарха в Юго-Восточной Азии, на русском и тайском языках.

พระคริสต์ทรงกลับคืนชีพแล้ว — พระคริสต์ทรงกลับคืนชีพอย่างแท้จริง !!!

สาส์นเนื่องในวันสมโภชปัสกาของสมเด็จพระสังฆราชคิริลล์แห่งมอสโกและรัสเซียทั้งมวล ถึงบรรดาสมณะ บาทหลวง สังฆานุกร และนักพรต และผู้เชื่อทุกคนของพระศาสนจักรรัสเซียออร์โธด็อกซ์

บรรดาสมณะที่น่านับถือ คุณพ่อผู้น่าเคารพ นักพรตชายหญิงที่น่ายกย่อง และพี่น้องชายหญิงทุกคน

พระคริสต์ทรงกลับคืนชีพแล้ว!

โดยอาศัยพระคุณของพระเจ้าผู้ทรงกรุณา เราได้รับโอกาสที่จะได้มาร่วมค่ำคืนแห่งปัสกาที่โชติช่วง และได้เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมยินดีอีกครั้งในการกลับคืนพระชนมชีพที่รุ่งโรจน์ของพระคริสตเจ้า พ่อขอแสดงความยินดีจากก้นบึ้งหัวใจต่อลูก ๆ ที่เป็นที่รักยิ่งทุกคนเนื่องในวันสมโภชใหญ่ และเป็น “มหาสมโภช” นี้

เป็นเวลาเกือบสองพันปีที่แยกเราออกจากเหตุการณ์ที่เรายังคงระลึกถึงอยู่ในทุกวันนี้ และในทุก ๆ ปีพระศาสนจักรยังคงเฉลิมฉลองการกลับคืนพระชนมชีพขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยจิตวิญญาณที่ไม่เปลี่ยนแปลง พระศาสจักรยังคงเป็นพยานถึงสิ่งที่แปลกไปตามธรรมชาติของสิ่งที่เกิดขึ้นในอุโมงค์ฝังพระศพที่อยู่ใกล้กำแพงกรุงเยรูซาเล็มโบราณอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

เส้นทางทั้งหมดของพระบุตรของพระเจ้าบนโลกใบนี้ นับตั้งแต่การรับสภาพมนุษย์อันน่าอัศจรรย์ของพระองค์จนถึงการรับพระมหาทรมานและสิ้นพระชนม์อย่างน่าเวทนาบนไม้กางเขน เป็นการเติมเต็มพระสัญญาของพระผู้สร้างที่ครั้งหนึ่งประทานไว้กับบรรดาบรรพบุรุษของเรา พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะประทานผู้หนึ่งมาบนโลก ซึ่งเป็นผู้ที่จะ “แบกรับความทุกข์ทรมานของพวกเรา และความเจ็บปวดของพวกเราไว้” (อิสยาห์ 53:4) และ “ช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” (มัทธิว 1:21) หลายต่อหลายครั้ง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับรองพระสัญญาของพระองค์ผ่านทางบรรดาประกาศกของพระองค์ พระองค์ทรงซื่อตรงต่อพระสัญญาของพระองค์ แม้ว่าประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้จะปฏิเสธพันธสัญญาและละเมิดพระประสงค์ของพระผู้สร้างก็ตาม

แต่ต่อมาการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าก็เป็นการเปิดเผยความรักของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ เพราะว่าความตายได้ถูกกำจัด เพราะความตายเป็นเส้นกั้นที่ขีดแบ่งมนุษย์ให้แยกออกจากพุน้ำแห่งชีวิต และถึงแม้ว่าในทางกายภาพความตายยังคงมีอยู่และมันได้พรากร่างกายมนุษย์ของเราไป แต่ก็ไม่สามารถทำลายจิตวิญญาณของเราไปได้ หรือกล่าวให้ชัดเจนขึ้นว่า เพื่อกีดกันเราจากชีวิตนิรันดร์​ในการเป็นหนึ่งเดียว​ระหว่าง​เรากับพระผู้สร้าง ความตายได้ถูกเอาชนะแล้วและพิษร้ายของมันก็ถูกกำจัด (เทียบ 1 โครินธ์ 15:55) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ “เชลยไปเป็นเชลยอีก” (เอเฟซัส 4:8) และได้ทรงทำลายแดนมรณา “เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้” (ลูกา 1:37) เพราะแท้จริงแล้ว “พระองค์ทรง​กลับคืน​พระ​ชนม​ชีพ​แล้ว​ตาม​ที่​ตรัส​ไว้“ (มัทธิว 28:6)!

ในปีนี้ ประชากรของโลกได้อดทนต่อสู้กับบททดสอบที่ไม่ธรรมดานี้ โรคร้ายนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกและมาสู่ประเทศของพวกเราเช่นกัน ทางการได้แนะนำข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโรคระบาดนี้ ในบางประเทศที่อยู่ในภายใต้การอภิบาลของเขตศาสนปกครองของสมเด็จพระสังฆราชแห่งมอสโก การที่จะประกอบพิธีนมัสการสำหรับปวงชนถูกสั่งระงับ และรวมไปถึงการประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราที่เป็นคริสตชนออร์โธด็อกซ์จะไม่ท้อแท้หรือเศร้าโศกในสถานะที่ยากลำบากเช่นนี้ มากไปกว่านั้นเราไม่ควรที่จะตื่นตระหนก เราถูกร้องขอให้รักษาความสงบภายในตัวเราไว้ และให้ระลึกถึงคำตรัสขององค์พระผู้ไถ่ในค่ำคืนก่อนการรับพระมหาทรมานเพื่อไถ่บาปที่ว่า “ใน​โลก​นี้ ท่าน​จะ​มี​ความ​ทุกข์ยาก แต่​อย่า​ท้อแท้ เรา​ชนะ​โลก​แล้ว” (ยอห์น 16:33)

วันสมโภชปัสกาได้กลายมาเป็นการเปลี่ยนจากการตกเป็นทาสของบาปสู่อิสรภาพแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ของมวลมนุษยชาติ “อิสรภาพอันรุ่งเรืองของบรรดาบุตรของพระเจ้า” (โรม 8:21) สิ่งที่พึงกระทำคือการโมทนาขอบพระคุณการกลับคืนพระชนมชีพขององค์พระผู้ช่วยให้รอดที่ทำให้เราได้รับอิสรภาพที่แท้จริงที่อัครสาวกเปาโล ผู้ควรค่าแก่การเชิดชูได้กล่าวไว้ ท่านได้ขอให้เรา “ยืดหยัดมั่นคง…ในเสรีภาพที่พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระ” (กาลาเทีย 5:1) เราได้ยินหรือได้อ่านคำ ๆ นี้บ่อยแค่ไหน? และในตอนนี้เราจำเป็นต้องพิจารณาอย่างละเอียดแล้วว่า พวกเราใช้ชีวิตในทุก ๆ วันราวกับว่าการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าไม่เคยเกิดขึ้น เราอยู่ในจุดที่จะแลกสมบัติแห่งความนิรันดร์ของเราเพื่อความกังวลของโลกใบนี้ที่ไม่มีวันจบสิ้นและตกเป็นทาสของความไร้สาระบนโลกนี้อีกครั้ง เราจะยอมแพ้ต่อความกลัวชั่วครู่และลืมขุมทรัพย์ฝ่ายจิตที่ไม่อาจเสื่อมสลายและการทรงเรียกอันแท้จริงของคริสตชนสู่การ “รับใช้พระองค์ด้วยความบริสุทธิ์และด้วยความชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์พระองค์ (ลูกา‬ ‭1:75‬) หรือ?

และการ “การปฏิบัติศาสนกิจ​บริสุทธิ์​และ​ไร้​มลทิน​เฉพาะ​พระ​พักตร์​ของ​พระ​เจ้า​พระ​บิดา” (ยากอบ 1:27) ก็คือการปฏิบัติต่อกันและกันด้วยความรักและอดทน ช่วยเหลือและให้การสนับสนุนกันและกันเมื่อยากลำบาก ปฏิบัติตามแบบอย่างของพระผู้ทรงเป็นนายชุมพาบาลที่ประเสริฐที่ได้ทรงแสดงแก่เราในพระวรสาร อย่าให้ข้อจำกัดต่าง ๆ ภายนอกได้ทำลายเอกภาพของเรา และพรากอิสรภาพทางจิตวิญญาณที่พวกเราได้รับจากการได้มารู้จักกับองค์พระเยซูคริสตเจ้า องค์พระผู้ไถ่ของเรา ผู้ทรงเป็นผู้เอาชนะความตายและประทานโอกาสแก่เราที่จะ “ได้​ชื่อ​ว่า​เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า และ​เรา​ก็​เป็น​เช่นนั้น​จริง” (1 ยอห์น 3:1)

ลูก ๆ ผู้มีความเชื่อทุกคนของพระศาสนจักรนั้น “เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” (กิจการ 4:32) พวกเราต่างเป็นสมาชิก เมื่อพวกเราอยู่ด้วยกันพวกเราเป็นพระกายของพระคริสตเจ้า และจะไม่มีสิ่งสร้างใดที่ “ที่จะพรากเราได้จากความรักของพระเจ้า” (โรม 8:39) ดังนั้นในวันนี้ ให้ผู้ใดก็ตามที่ไม่สามารถมาโบสถ์และอธิษฐานภาวนาได้ด้วยเหตุผลบางประการนั้นพึงระลึกไว้ว่าพวกเขาอยู่ในความคิดและคำอธิษฐานของคนอื่น ๆ เสมอ ความเชื่อได้มอบความเข้มแข็งแก่เราในการดำเนินชีวิตและด้วยการทรงช่วยของพระเจ้า เราจะเอาชนะทุกสิ่งที่ยากลำบากและอ่อนแอ และรวมไปถึงสิ่งที่ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่อัตรายนี้

ลูก ๆ ที่รัก พ่อขออ้อนวอนลูกทั้งหลายให้พึงอธิษฐานภาวนาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแข็งขัน เพื่อที่เราทั้งหลายจะยังคงเป็นผู้ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในวงจรพิธีกรรมที่เปี่ยมไปด้วยพระคุณของพระศาสนจักร เพื่อศีลมหาสนิทอันศักดิ์สิทธิ์จะได้รับการประกอบขึ้น และผู้เชื่อจะเข้าไปใกล้พุน้ำแห่งชีวิตด้วยความกล้าหาญ ซึ่งเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระคริสตเจ้า เพื่อผู้ที่เจ็บป่วยจะได้รับการเยียวยาและผู้ที่แข็งแรงจะได้รับการปกป้องจากอันตรายจากการติดเชื้อนี้

พวกเราเชื่อว่า พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพนี้จะไม่ทรงทอดทิ้งเรา และพระองค์จะประทานความตั้งใจและความกล้าแก่เราเพื่อยืนหยัดในความเชื่อโดยมั่นคง และเพื่อทำเส้นทางสู่ความรอดของเรในชีวิตทางโลกนี้สู่ชีวิตนิรันดร

พ่อขอแสดงความยินดีต่อลูก ๆ ที่เป็นที่รัก พี่น้องชายหญิงทุกคนอย่างสุดใจเนื่องในวันที่โชติช่วงแห่งสมโภชปัสกา และพ่อขอให้ลูกทั้งหลายนั้นเป็นภาพลักษณ์ของศิษย์ที่แท้จริงขององค์พระผู้ไถ่เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรอบตัวลูกอยู่เสมอ และประกาศกิจการอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ “ผู้​ทรง​เรียก​ท่าน​จาก​ความ​มืด​สู่​ความ​สว่าง​ที่​น่า​พิศวง​ของ​พระ​องค์” (1 เปโตร 2:9) เพื่อทุก ๆ วันในชีวิตของเราจะได้เป็นพยานผ่านทางการกระทำของเราต่อพลังอำนาจที่ไม่อาจเปรียบเทียบได้และความจริงของคำปราศรัยแห่งปัสกาว่า:

พระคริสต์ทรงกลับคืนชีพอย่างแท้จริง!

สมเด็จพระสังฆราชคิริลล์
สมเด็จพระสังฆราชแห่งมอสโกและรัสเซียทั้งมวล

สมโภชปัสกา ปีค.ศ.2020

สมณสาส์นเนื่องในวันสมโภชปัสกา
จาก พระสังฆนายกเซอร์กีย์ พระสังฆนายกแห่งสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ถึง บรรดาพระสังฆมนตรี ศาสนบริกร และบรรดาฝูงแกะที่พระเจ้าทรงรัก ที่ได้อยู่ในเขตศาสนปกครองแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ถึง บรรดาสมณะสงฆ์ที่น่านับถือ บาทหลวง และสังฆานุกรที่เป็นที่เคารพ และบรรดาพี่น้องชายหญิงผู้เป็นที่รักยิ่ง

พระคริสทรงกลับคืนชีพแล้ว!

พี่น้องที่รัก พ่อขอแสดงความยินดีต่อลูกๆ ทุกคนด้วยใจจริง เนื่องในวันสมโภชปัสกา ที่ยิ่งใหญ่ และเต็มเปี่ยมไปด้วยแสงสว่าง!

ในวันนี้เราได้รับประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณจากเหตุการณ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลกเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อชีวิตของพวกเราทุกๆคน เพราะว่าพระบุตรหนึ่งเดียวของพระเจ้าได้ทรงมารับสภาพเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงเข้ามาร่วมรับแบกรับภาระของโลกนี้ร่วมกับเรา ทรงได้เทศนาสั่งสอนเราถึงความจริงแห่งสวรรค์ ทรงรับความทุกข์ทรมาน และทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
เป็นเวลานับพันปีตั้งแต่มนุษย์คู่แรกที่ได้รับการทรงสร้างโดยพระผู้สร้าง มนุษย์คู่แรกนั้นได้ตกสู่ความบาป เป็นเหตุให้มนุษย์ได้ถูกแยกจากพระผู้สร้างของตน และไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะสามารถเอาชนะความบาปอันชั่วร้ายได้ เพราะเหตุนั้นพระเจ้าจึงได้เสด็จลงมายังโลก และพระองค์ได้ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาเพื่อประทานความรอดแก่มนุษย์ทั้งหลาย
เมื่อบรรดาสตรีผู้ถือเครื่องหอม และบรรดาสานุศิษย์ของพระผู้ช่วยให้รอดได้มาถึงอุโมงค์ฟังพระศพ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาต่างหาพระวรกายของเจ้านายอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเขาไม่เจอ พวกเขาต่างรู้สึกสูญเสียและสับสน พวกเขาไม่อาจหาญที่จะเชื่อถึงความจริงในเรื่องการอัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นในเวลานั้น เพราะสิ่งที่ได้เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อสำหรับพวกเขา แต่ในไม่ช้าความมืดมนแห่งความสงสัยก็ได้รับการกระทำให้กระจ่าง และความทุกข์ใจก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นความชื่นชมยินดีและการขอบพระคุณพระเจ้า
“ พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ เพราะทรงกลับคืนพระชนม์ชีพแล้วตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้”(มัธทิว.28:6)
ณ ที่ซึ่งปณิธานและความหวังของพวกเขานั้นได้ถูกฝังไว้ในยามนั้น ได้ผลิผลของความอบอุ่นและความศรัทธาอันแท้จริงได้ก่อกำเนิดขึ้นมา และความงดงามแห่งการเสียสละ และรวมไปถึงความลำลึกที่ยิ่งใหญ่ ความรักของพระเจ้าที่ไม่สามารถจะประเมินค่าได้ ได้เปิดเผยออกต่อคนเหล่านั้น ความตายคือศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ และไม่มีมนุษย์คนใดที่จะสามารถเอาชนะได้ แต่บัดนี้ความตายได้ปราชัยแล้ว แม้สิ่งนี้ก็ไม่สามารถมีชัยชนะเหนือพระผู้สร้างผู้เป็นจุดกำเนิดของชีวิตทั้งปวงได้

ความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก สิ่งนี้คือความเชื่อของเรา (1ยอห์น 5:4)
ท่านนักบุญยอห์นอัครสาวกได้ยืนยันกับเราในเรื่องนี้

ถ้อยคำที่แปลกใหม่จากพระคัมภีร์นี้มีความหมายว่าอย่างไร?

คำเหล่านี้หมายถึงพลังอำนาจของพระวรสารที่อยู่เหนือความเข้าใจในทุกสิ่ง พลังอำนาจนี้มีอยู่ในถ้อยคำสองคำที่เราใช้ทักทายในวันสมโภชปัสกา
สิ่งที่เป็นใจความสำคัญหลักในเรื่องความเชื่อของพวกเรา เป็นรากฐานของความหวังแท้ที่มั่นคง และเป็นแหล่งแห่งความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด โดยการกลับคืนพระชนมชีพอันรุ่งโรจน์ของพระคริสต์ พระองค์ได้ทรงเปิดประตูแห่งชีวิตนิรันดรแก่พวกเราทุกคน และได้ประทานอิสรภาพทางจิตวิญญาณที่แท้จริงแก่เรา นั่นก็คืออิสรภาพที่ทำให้เราจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า (1ยอห์น 3:1)

ทุกๆคนนั้นมีค่ายิ่งในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเป็นการยืนยันสิ่งนี้ องค์พระผู้ไถ่จึงได้เสด็จเข้ามายังโลก และได้เปลี่ยนแปลงโลกโดยพันธกิจแห่งความรักและความเมตตาของพระองค์ พระองค์ทรงรักษาคนเจ็บป่วย ทรงชูใจผู้ที่ต้องทนทุกข์ ทรงยื่นะพระหัตถ์ของพระองค์ไปช่วยเหลือผู้ที่ล้มลงและผิดพลาด
ดังนั้นเราทั้งหลายที่ปรารถนาจะเป็นของพระคริสต์แล้ว เราจำเป็นจะต้องกระทำพันธกิจของพระองค์ เลียนแบบพระองค์ในการเสียสละรับใช้เพื่อพี่น้องของเรา เพราะ ความเชื่อ นั้นจะบริบูรณ์ด้วยการประพฤติ(ยากอบ 2:22) องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความทุกข์ทรมานของมนุษย์ พระองค์ได้ทรงสถิตอยู่กับผู้ที่ต้องทุกข์ใจเสมอ และเราทุกคนต่างถูกเรียกมาเพื่อที่จะได้เห็นพระคริสต์เจ้าผู้สถิตอยู่ในพี่น้องทุกๆคน ให้เรารักษาที่จะกระทำตามบทบัญญัติขององค์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา (มัธทิว 25:40)

ผู้ใดก็ตามที่มีชีวิตอยู่ในพระจิตเจ้าผู้ทรงศักดิ์สิทธิ์ ผลในฝ่ายของพระจิตก็จะเกิดขึ้นในตัวของผู้นั้น ผลนั้นคือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน(กาลาเทีย 5:22:23)
ภาพที่เราได้เห็นชัดเจนของชีวิตแห่งการประกาศข่าวประเสริฐ เราได้เห็นผ่านชีวิตของผู้บำเพ็ญพรตที่ยิ่งใหญ่ในศตวรรษที่ผ่านมา คือ ท่านนักบุญยอห์น ผู้กระทำการอัศจรรย์ ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นอัครสังฆมนตรีแห่งเซี่ยงไฮ้และซานฟรานซิสโก ท่านได้มีหัวใจที่เปิดกว้างและกล้าหาญ ท่านได้เดินทางไปหาผู้ที่เจ็บป่วยและผู้ที่ขัดสนที่ต้องการความช่วยเหลือ ท่านได้สวดภาวนาเพื่อบรรดาผู้ที่ทุกข์ยาก และท่านได้ปลอบโยนผู้ที่เศร้าโศก ข้าพเจ้าขอให้แบบอย่างการดำเนินชีวิตและการฝ่าฟันของท่านจะเป็นประโยชน์อันล้ำค่าสำหรับพวกเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลายากลำบากที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าประสงค์จะเสด็จไปหาชนชาติต่างๆที่เผชิญกับโรคร้าย ชีวิตของทางพระศาสนาจักรเองจึงต้องพร้อม และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรับผิดชอบในการมีส่วนร่วมกับศีลมหาสนิทที่เราได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับเราที่เป็นคริสตชน เมื่อเราได้รับเอาพระกายและพระโลหิตอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้ช่วยให้รอด หมายความว่าเราได้เปิดรับให้พระองค์เสด็จมาประทับสถิตย์อยู่ในเรา และโดยพระองค์ความอ่อนแอของเราได้กลายมาเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่เราจำเป็นต้องยอมให้พระคริสต์เจ้าได้ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ผ่านชีวิตของเรา
“สิ่งที่สัมผัสกับเปลวไฟ ไม่ว่าจะเป็นขี้เถ้าหรือโลหะ ก็จะต้องมีผลตามมา ขึ้นอยู่กับว่าเปลวไฟนั้นสัมผัสกับอะไร ชีวิตของมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากชีวิตของเราต้องถูกเปลวไฟอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าแผดเผา จากชีวิตที่มีความเชื่อดังเหล็กก็จะถูกแปรเปลี่ยนให้กลายไปเป็นเหล็กกล้าที่แข็งแกร่ง พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงความอ่อนแอของเราได้”
(นักบุญยอห์น อัครสัฆมนตรีแห่งเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า: พระเจ้าทรงเป็นเปลวไฟที่เผาผลาญ)

โดยอาศัยคำภาวนาของท่านนักบุญยอห์น ผู้กระทำการอัศจรรย์ อัครสัฆมนตรีแห่งเซี่ยงไฮ้ ขอให้ความเชื่อซึ่งแสดงออกเป็นกิจการที่ทำด้วยความรักนั้น(กาลาเทีย 5:6) ให้ได้รับการทำให้เข้มแข็งเป็นดังเหล็กกล้า ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้ทรงอยู่ในสวรรค์ (มัธทิว 5:16)

ไม่ใช่ในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพขององค์พระผู้ช่วยให้รอดได้อย่างเปิดเผย แต่เราผู้เป็นคริสเตียนจำต้องสำแดงความเชื่อออกมาเป็นการกระทำ ขวนขวายและกระตือรือร้นที่จะเป็นประจักษ์พยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสต์ ต้องเต็มล้นไปด้วยความชื่นชมยินดีในพระเจ้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความรักเพื่อนบ้าน แล้วเราจึงจะสัมผัสได้กับการสรรเสริญที่แท้จริงในความอัศจรรย์ของวันปัสกา

พระคริสต์ทรงกลับขึ้นชีพแล้วอย่างแท้จริง!

พระสังฆนายกแห่งสิงคโปร์​และ​เอเชีย​อาคเนย์
เขตศาสนปกครองแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เนื่องในวันสมโภชปัสกาแห่งพระคริสตเจ้า
ปีที่ 2020